ปฏิทิน

วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ดอกไม้ สัจจะ สแกนเนอร์ : ภาพถ่ายไม่มีกล้องของอนุชัย ศรีจรูญพู่ทอง


อนุ ชัย ศรีจรูญพู่ทอง ศิลปินช่างภาพชาวไทยที่คว้ารางวัลระดับโลกด้านการถ่ายภาพมาแล้วมากมาย รวมถึงได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Archive ซึ่งเป็นนิตยสารด้านการโฆษณาที่ได้รับความเชื่อถือให้เป็นช่างภาพที่มีคะแนน สะสมเป็นอันดับ 1 ของโลก ร่วมกับนาดาฟ แคนเดอร์ ช่างภาพระดับโลกชาวอิสราเอล
ชื่อ ของเขาเป็นที่รู้จักในเมืองไทยจากการร่วมเป็นหนึ่งในช่างภาพที่ร่วมบันทึก เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของปวงชนชาวไทยในงานฉลองศิริราชสมบัติ 60 ปี เมื่อวันที่ 9 -13 มิถุนายน 2549 รวมไปถึงการแสดงนิทรรศการภาพถ่าย 'ภาพเล่าเรื่อง พระเจ้าอยู่หัวในดวงใจ' ในปี 2550 ที่อนุชัยใช้เวลากว่า 1,000 วัน เดินทาง 76 จังหวัดทั่วประเทศไทยเพื่อบันทึกภาพความประทับใจของคนไทยกับพระบรมฉายา ลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ตั้งแต่ วันนี้จนถึง 9 สิงหาคม 2552 อนุชัย ศรีจรูญพู่ทอง นำเสนอผลงานศิลปะในนิทรรศการ 'ความสอดคล้องของความจริง' ณ อาร์เดลเธิร์ดเพลส แกลเลอรี สุขุมวิท 55 ทองหล่อซอย 10 (สอบถามเพิ่มเติมโทร.0-2422-2092 อังคาร-เสาร์ 10.30 - 19.00 น. อาทิตย์ 10.30 - 17.30 น.) กับการสร้างสรรค์ผลงานที่แตกต่างจากงานภาพถ่ายทั่วไป เพราะเป็นผลงานจากการ 'ถ่ายภาพ' ที่ไม่ใช้ 'กล้องถ่ายรูป' แต่อนุชัยใช้ 'เครื่องสแกนเนอร์' มาทำหน้าที่บันทึกภาพดอกไม้ในธรรมชาติ เพื่อสะท้อนความประทับใจและวาบความคิดที่เกิดจากการสังเกตสิ่งเล็กน้อยรอบ ตัวที่มีความหมายทางใจ

"เป็น นิทรรศการภาพถ่ายที่ไม่ใช้กล้องถ่ายภาพ คือปกติเราเป็นศิลปินก็ต้องหาข้อมูลมาทำงาน ผมก็หาข้อมูลจากสิ่งที่อยู่รอบตัวมาสร้างแรงบรรดาลใจ ก็เลยเอาใช้สแกนเนอร์ตั้งโต๊ะซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีมาประมาณ 20 ปีแล้วมาใช้ในการสร้างสรรค์งานศิลปะ" อนุชัย

ย้อน กลับไปเมื่อต้นปี 2552 ที่ผ่านมาอนุชัยคือหนึ่งในศิลปินที่เข้าร่วมกิจกรรมการอบรมศิลปะที่จัดโดย สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตเพาะช่างซึ่งจัดขึ้นที่จังหวัดเชียงราย เช้าหนึ่งในช่วงเวลานี้เองที่ดอกไม้ริมทางดอกเล็กๆ ได้สร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะด้วยเทคนิคที่ไม่เหมือนใครชุด นี้
"มีอยู่วันหนึ่งตื่นเช้าไปเดินดูวิว ก็ไปเจอดอกไม้ริมถนนที่ไม่ได้มีค่ามากมายอะไร เราก็รู้สึกสวยดี คิดว่าเดี๋ยวจะออกมาถ่ายรูป พอออกมาอีกทีตอนสายๆ ปรากฎว่าดอกหุบ ก็ถ่ายไม่ได้ ผมก็เลยลองเอาสแกนเนอร์มาสแกนก็ปรากฎว่าภาพที่ออกมาก็น่าสนใจดี ก็เลยทดลองทำมาเรื่อยๆ ก่อนจะพัฒนามาเป็นงานชุดนี้"

จาก จุดเริ่มต้นในการใช้เครื่องสแกนเนอร์แทนกล้องถ่ายรูป อนุชัยทำการทดลองมากมายเพื่อให้ได้ 'ภาพ' อย่างที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการพลิกเครื่องสแกนเนอร์จากแนวนอนมาวางในแนวตั้ง การหาระยะห่างจาก 'วัตถุ' คือดอกไม้กับตัวเครื่องเพื่อกำหนดระยะชัดของการ 'ถ่ายภาพ' รวมถึงเทคนิคการทำงานศิลปะอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งภาพแบบดิจิตอล การวาดเส้น และเทคนิคภาพพิมพ์โลหะร่องลึก (Etching)

แม้ จะเป็นเพียงภาพของดอกไม้ดอกเล็กๆ ริมทางที่ถ่ายทอดผ่านอุปกรณ์ง่ายๆ อย่างเครื่องสแกนเนอร์แทนที่จะเป็นกล้องถ่ายรูปคุณภาพสูงราคาแพง แต่สิ่ง 'เล็กๆ' และ 'ง่ายๆ' แบบนี้เองที่อนุชัยมองว่าสามารถสะท้อนถึงความจริงของธรรมชาติและชีวิตได้ อย่างน่าสนใจ
"พอเห็นดอกไม้ก็เกิดแรงบันดาลใจว่าดอกไม้พวกนี้มี จังหวะเวลาในการที่เขาจะให้เราดูนะ ถ้าอยากดูเขาเบ่งบานก็ต้องรอตอนเช้า คุณจะใหญ่โตมาจากไหน คุณก็ต้องตื่นเช้าไม่งั้นก็ไม่เห็น ถ้าคุณมาสายก็ต้องไปดูวันรุ่งขึ้น พอมันบานอาจจะอยู่ได้แค่ 5 นาทีก็เหี่ยวไป ก็เหมือนชีวิตคนที่มีช่วงที่รุ่งเรืองแต่ก็ต้องมีวันที่แตกดับไป ทำให้เราพบความจริงเกี่ยวกับชีวิตว่าเราไม่ได้มีเวลามาก เหมือนดอกไม้ที่มีช่วงเวลาในการเบ่งบาน อยากพูดถึงการรักษาเวลาตรงนั้นเอาไว้ "
ผลงานชุดนี้ยังได้รับความสนใจจากหอศิลป์ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส และอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อนำผลงานไปจัดแสดง

"ทาง นั้นเขาสนใจเรื่องวิธีคิดมากกว่าเรื่องรูปแบบ จะเคารพเรื่องกระบวนการคิด พอรู้ว่ามีงานแบบนี้เขาก็อยากจะเห็น เวลาทำงานผมต้องการความแตกต่าง วันนี้ถ้าจะถ่ายรูปผมคงไม่ทำงานสตรีท (ภาพถ่ายแนววิถีชีวิตข้างถนน) เพราะนี่ไม่ใช่ยุค 1960 หรือ 1970 ที่ผ่านมามีคนทำแนวนี้มามากพอแล้ว ผมต้องการทำงานที่มีเนื้อหาที่ชัดเจน"
เนื้อหาสำคัญกว่ารูปแบบ...ช่างภาพอันดับหนึ่งของโลกอย่างอนุชัยฝากถึงนักถ่ายภาพรุ่นใหม่
"นอก เหนือจากเรื่องศิลปะก็อยากนำเสนอเรื่องวิธีคิด งานชุดนี้พูดถึงการทดลองทำงานกับของใกล้ตัว แม้แต่กล้องวงจรปิดฝรั่งยังเอามาทำเป็นหนังได้ นักถ่ายภาพรุ่นใหม่ๆ ที่ชอบอ้างกันว่าไม่มีเวลา ไม่มีอุปกรณ์ดีๆ ก็เลยทำงานไม่ได้ ประเด็นพวกนี้ต้องตัดทิ้งไปได้แล้ว..."

วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ร้านอาหารกับการตื่นตัวสู่อาเซียน


มุมมองการปรับตัวของธุรกิจร้านค้าในซอยวิภาวดี 64 กับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทั้งเรื่องคุณภาพชีวิต, เศรษฐกิจ      "นักข่าว Season 4  รายงาน"
โครงการอบรม AYM Asia youth Multiplatform Media ,ThaiPbs

วันพุธที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

การดูแลรักษากล้อง DSLR




การดูแลเบื้องต้นที่สามารถทำได้แบบง่ายๆ ของแต่ละอุปกรณ์ ทั้งตัวกล้อง, เลนส์ และอื่นๆ ให้ใช้งานได้ยาวนานและอยู่กับเราตลอดไปค่ะ

   จุดเบื้องต้นที่ดิฉันพูดและย้ำอยู่เสมอ คือการเก็บรักษา อันดับแรก ๆ คือ

   การวางกล้อง กล้อง DSLR และอุปกรณ์ต่าง ไม่ว่าจะเลนส์ แฟลช กริ๊ป ฟิลเตอร์ ต่างก็กลัวความชื้นกันทั้งนั้น ยิ่งหน้าฝนอากาศยิ่งชื้นมากกว่าปกติ ดังนั้นการวางกล้องไม่ควรวางไว้ ณ ที่ที่มีความชื้น อาทิ ตู้เสื้อผ้า หรือตู้เหล็ก หรือไม้ ความชื้นในสถานที่ที่กล่าวมานี้จะมีมากกว่าเดิมค่ะ ซึ่งผลที่เกิดขึ้นกับอุปกรณ์ของเรา คือหลักๆ เชื้อรา จะเกิดเป็นคราบดำๆอยู่บริเวณที่เป็นกระจก ไม่ว่าจะเลนส์ หรือกระจกสะท้อนที่ตัวกล้อง

   วิธีการป้องกันเบื้องต้นที่ถูกหลัก คือการหลีกเลี่ยงความชื้นเหล่านี้ คือการวางกล้องควรวางไว้ในกระเป๋ากล้องที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก และต้องใส่สารกันชื้นลงในกระเป๋าสัก 1-2 ซอง (ตามความเหมาะสมของกระเป๋า) ความชื้นในกระเป๋าจะถูกดูดความชื้นด้วยสารกันชื้นออกไป หรือถ้าเกิดมีอุปกรณ์มากกว่า 4-5 ชิ้น ก็ควรเลือกอุปกรณ์ที่รองรับกับปริมาณอุปกรณ์ที่เรามีอย่าง กล่องกันความชื้นหรือตู้กันความชื้น ราคาก็มีตั้งแต่ประมาณ 2,000 หน่อยๆ ไปถึงหลักหมื่นก็มี ราคาอาจจะสูงสักนิดแต่ใช้ได้ยาวนาน พูดได้ง่ายๆว่าคุ้มค่าคุ้มราคา เพราะถ้าอุปกรณ์ตัวละหลายๆหมื่น ถึงแสน คงไม่ต้องพูดถึงเลยว่าคุ้มค่าแค่ไหน ดังนั้นการหลีกเลี่ยงความชื้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการดูแลค่ะ

   ต่อไปเรามาพูดถึงการทำความสะอาดแบบง่ายที่จะดูแลกล้อง DSLR เราไปให้ยาวนานได้ งั้นขอเริ่มที่อุปกรณ์ในการทำความสะอาดกันแบบง่ายก่อน เริ่มที่ชุดอยากแนะนำคือชุดทำความสะอาดที่เป็นชุดในหนึ่งชุดนั้นจะประกอบไปด้วย

ลูกยางเป่าลม
น้ำยาเช็ดเลนส์
คัดตันบัด
ผ้าเช็ด
กระดาษเช็ดเลนส์
แปรงปัด

   อุปกรณ์ในการทำความสะอาดจะมีประมาณนี้ หลักการทำความสะอาดจะแบ่งออกเป็นส่วนๆ ในการทำความสะอาด

   ตัวแรกที่จะพูดถึงคือ ลูกยางเป่า หน้าที่ในการใช้งาน คือเป่าสิ่งสกปรกออกจากอุปกรณ์ต่างๆ อาทิเช่น ฝุ่น เศษหินเศษทราย ติดอยู่ ทำไมต้องใช้ลูกเป่าลมเป่า เพราะถ้าใช้ผ้าเช็ดจะทำให้มีรอยขีดขวนจากเศษสิ่งสกปรกได้ ดังนั้นลูกเป่าลมจึงต้องทำหน้าที่นี้

   ต่อมาเป็น น้ำยาเช็ดเลนส์ หลังจากได้เป่าสิ่งสกปรกออกอาจจะพบคราบจากรอยนิ้วมือ ที่ติดตามกระจกเลนส์ หรือตามบอร์ดดี้ของกล้อง ก็ต้องใช้น้ำยาเทใส่ลงผ้าเช็ดเลนส์และทำการเช็ดค่อยๆ เช็ดหมุนไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อขจัดคราบสิ่งสกปรกออก แต่ไม่แนะนำให้ใช้น้ำยาบ่อยๆเพราะจะทำให้เลนส์พื้นผิวของกระจก เกิดการคลานเคลื่อนของสีสันได้ เนื่องจากแต่ละค่ายเลนส์ก็มีสูตรเฉาพะของตนในการคิดหาสารมาเคลือบเลนส์ของตนเอง ถ้าใครใช้เลานส์ที่ราคาสูงหน่อยการเลือกน้ำยาที่มีคุณภาพก็จำเป็นมากเช่นกันนะ

   คัดตันบัด ข้อดีของอุปกรณ์ชิ้นนี้คือ การทำความสะอาดในจุดซ้อนเรนท์ ไม่ว่าจะกระจกสะท้อนภาพที่ตัวบอร์ดี้หรือในเลนส์ที่มีช่องลึกๆ ก็สามารถใช้ได้ โดยยอดน้ำยาที่คัดตันบัดก่อนเช็ด

   ผ้าเช็ด ถือเป็นจุดสำคัญ เพราะถ้ามองจุดเล็กน้อยๆคือ ผ้าที่มีคุณภาพดี จะต้องดูว่ามีขลุยหรือไม่ควรเลือกผ้าที่ไม่มีขลุยนะค่ะ เพราะจะช่วยลดในเรื่องฝุ่นเล็กๆที่อาจจะทำให้ติดอยู่ที่บริเวณอุปกรณ์ ทำให้ยากที่จะทำความสะอาดได้ ดังนั้นผ้าจึงมีความสำคัญในการเลือกใช้งาน ในตลาดที่เราสามารถหาได้ก็มีตั้งแต่ผ้า ไมโครไฟเบอร์ นาโนไฟเบอร์ ก็เลือกตามความเหมาะสมของราคาล่ะกัน ขนาดของผ้าก็เลือกให้ใหญ่สักหน่อยจะได้ใช้งานถนัดมือ นอกจากคุณภาพของผ้าแล้วความสะอาดของผ้าเองก็สำคัญไม่ใช่น้อยเช่นนะ ถ้าใช้งานไปได้ซักระยะแล้วก็ควรนำไปซักทำความสะอาดกันบ้างนะ

   กระดาษเช็ดเลนส์ ความสำคัญใครๆ จะคิดว่าความสำคัญของเขาน้อยมาก แต่จริงๆ มองข้ามความสำคัญไม่ได้ครับ เพราะกระดาษตัวนี้จะมีเนื้อเหมือนกระดาษลดความมัน เพราะถ้าใช้งานจะเห็นได้ชัดเลยว่าจะไม่เห็นฝุ่นติดที่หน้าเลนส์เลย แต่กระดาษจำพวกนี้จะใช้ได้แค่ครั้งเดียว แต่คุณภาพในการทำงานจะดีกว่าผ้าอีกด้วย แต่มีเคล็ดลับนิดหน่อยการซื้อกระดาษเช็ดเลนส์ไม่ควรซื้อที่เป็นซองใหญ่ หรือแพ็คที่ใหญ่เกินไปนะเนื่องจากการเปิดแพ็คเพื่อการใช้แต่ล่ะครั้งอาจจะมีพวกฝุ่นเข้าไปได้เช่นกัน ดังนั้นซื้อเป็นแพ็คเล็กแต่หลายแพ็คแทนน่าจะดีกว่านะ และใช้ให้หมดที่ละแพ็คค่อยแกะแพ็คใหม่นะ

   ตัวสุดท้ายคือ แปรงปัด สำหรับอุปกรณ์ต้องใช้อย่างละเอียดอ่อนมาก เพราะถ้าปัดแรงๆ อาจทำให้หน้าเลนส์เป็นรอยขนแมวได้ ดังนั้นการใช้ต้องระมัดระวังให้ดี จุดหลักๆ ของการปัด ไม่แนะนำให้ปัดเลนส์หรือที่เป็นจุดที่มีกระจก ควรเลือกใช้งานชิ้นส่วนภายนอก อาทิเช่น บอร์ดดี้ หรือกรอบเลนส์เท่านั้น

   การเลือกใช้อุปกรณ์จึงเป็นสิ่งจำเป็นในการเลือกใช้ ให้ตรงกับวัตถุประสงค์ เพื่อป้องกันการผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นกับวัตถุเราได้ข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือระวังเรื่องกระแทกหรือหล่น จะทำให้เสียหายหนักเลย

   สำหรับหัวข้อในวันนี้ลองดูภาพประกอบ และวิธีทำความสะอาดที่ถูกวิธี

   หัวข้อที่กล่าวมาในวันนี้ดิฉันคิดว่าน่าจะได้ประโยชน์ที่จะช่วยดูแลในเบื้องต้น ให้กล้องได้อยู่ใช้งานกับเราไปนานๆ  แต่ในกรณีถ้าเกิดปัญหาเกิดมีฝุ่นติดที่ CCDแนะนำให้ส่งศูนย์ทำความสะอาดดีกว่า เพราะรายละเอียดจะเยอะกว่าและอุปกรณ์เครื่องมือในการใช้งานก็จะแตกต่างออกไป

ขอบคุณที่มา : http://www.digital2home.com/tips

The idol

เปิดภาพศิลปะ สาวหมวยเปลือยร่าง  ถ่ายภาพนู้ดพิชิตความกลัว                                                              แม้ว่านิสัยโดยส่วนตัวแล้ว มิรุ คิม จะเป็นคนที่ขี้อาย ไม่ค่อยแสดงออกมากนัก แต่ในงานศิลปะของเธอ เธอใช้เรือนร่างปราศจากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายในการถ่ายทอด ในอิริยาบถต่างๆ จนได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์ศิลปะทั่วโลก   มิรุ คิม วัย 30 ปี จากนิวยอร์ค เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เช่น โรงงานร้าง อุโมงค์ สะพาน ให้ช่างภาพบันทึกภาพขณะเปลือยกายในเชิงศิลปะ ที่มีการจัดองค์ประกอบภาพตามที่ต้องการ

เธอกล่าวว่า ความกลัว เป็นสิ่งที่ฝังลึกในใจมาตั้งแต่เธอยังเด็ก อาทิ กลัวความมืด กลัวอันตรายจากกิจกรรมต่างๆ กลัวความสกปรก จนความกลัวเป็นอุปสรรคครอบงำจิตใจมาโดยตลอด และนั่นเองจึงเป็นที่มาของศิลปะพิชิตความกล้า และไม่ต้องกลัวสิ่งใดๆอีกต่อไป และเธอก็เชื่อว่ามีคนอีกจำนวนมาก ที่สามารถพิชิตความกลัวจากจิตใจของพวกเขาได้

คิม เริ่มแก้ผ้าเปลือยกายถ่ายภาพศิลปะตั้งแต่ปี 2004 โดยการถ่ายภาพครั้งแรกนั้นเธอบอกว่า รู้สึกประหม่า กล้าๆกลัวๆ แต่ปัจจุบันก็ชิน ไม่กลัวอีกต่อไป  เมื่อไหร่ก็ตามที่เปลือยกายถ่ายภาพในสถานที่ปรักหักพังของเมือง จะรู้สึกได้ว่า สถานที่แห่งนั้นจะเปลี่ยนจากสถานที่อันตรายกลายเป็นที่ที่มีแต่ความสงบ เปลี่ยนจากความแปลกเป็นความคุ้นเคย

แม้ว่าบางแห่งจะมีความเสี่ยงที่จะถูกจับ เช่นในอิสตันบูล ประเทศตุรกี ที่ขณะที่ถ่ายทำภาพศิลปะอยู่นั้น ก็ถูกรปภ.โมโหพร้อมกับเข้ามาตักเตือน ดีที่เพื่อนของเธอพยายามเจรจาจนรปภ.ยอมปล่อยตัว หรือบางทีก็ต้องหลบเฮลิคอปเตอร์ที่บินผ่านมาขณะเปลือยกายถ่ายภาพบนสะพานแมนฮัตตัน ในนิวยอร์ค
นักวิจารณ์ศิลปะ ต่างยกย่องศิลปะของคิม แต่ขณะเดียวกันผู้ที่เห็นภาพบางคนอาจมองในอีกมุมหนึ่งแตกต่างออกไป ซึ่งบางคนอาจตีความงานศิลปะของเธอไปในทางที่ผิดไปจากวัตถุประสงค์ของเธอที่ต้องการจะสื่อ  แต่เธอก็ยอมรับ เปิดกว้างสำหรับทุกความคิดเห็น

one shot

dali





Please take a look at my portfolio up on art takes times square. All you have to do is click on the collect me tab on any any of the images you like. These are a set of photo collages made from mostly images I have shot of various subjects ranging from still life to the funeral of my pet dog. To have your vote is all that matters. Hope you like it.